เทคนิคการปฏิเสธสำหรับวัยรุ่นที่ควรนำไปใช้กับชีวิตประจำวัน

การปฏิเสธ เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ควรเคารพและยอมรับ สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน เช่น การปฏิเสธที่จะหนีเรียน การปฏิเสธที่จะใช้ยาเสพติด การปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ก่อนถึงวัยอันควร การปฏิเสธเมื่อเพื่อนเปิดหนังโป๊ครอบครัวให้ดู เป็นต้น การปฏิเสธควรปฏิเสธให้ได้ผลในสถานการณ์ที่ถูกชวนไปทำในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์หรือเกิดผลเสียตามมา แต่มีวัยรุ่นหลายคนที่ไม่ปฏิเสธเพราะความเกรงใจและกลัวจะเสียเพื่อน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด คนที่ มีทักษะการปฏิเสธที่ดีจะสามารถป้องกันตนเอง และหลีกเลี่ยงที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยได้ รวมถึงเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมที่อาจจะเลียนแบบมาจากหนังโป๊ครอบครัว การปฏิเสธ หมายถึง การไม่รับ ไม่ยอมรับ เช่น ปฏิเสธการเชิญ ไม่ยอมรับข้อเท็จจริง เช่น ปฏิเสธข้อ กล่าวหา แสดงความหมายตรงกันข้ามกับยืนยัน รับ หรือยอมรับ

  1. ไม่อยู่ในที่รโหฐาน การที่หญิงชายอยู่ในที่ลับตาคน และด้วยบรรยากาศที่เป็นใจ จะทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ได้ หรือว่าถูกกระตุ้นจากหนังโป๊ครอบครัวได้
  2. อย่าเปิดโอกาส จากการศึกษาวิจัยพบว่า หญิงสาวทั้งหลายมีเพศสัมพันธ์เพราะคิดว่าเขา (ชาย) รักเราเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยความคิดว่าเราพร้อมแล้วที่จะเป็นของกันและกัน
  3. ปลุกจิตสำนึกความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชาย เช่น “เธอคงไม่ภูมิใจใช่ไหม ถ้าฉันยอมเป็นของเธอก่อนแต่งงาน ยังไงฉันก็พร้อมเป็นของเธออยู่แล้ว ฉันมีเธอเพียงคนเดียวในใจ รอก่อนนะจ๊ะไว้ถึงเวลาค่อยมีความสุขด้วยกัน” เป็นการให้ความหวังและยกย่องเขาไปในตัว ดีกว่าการที่เห็นหนังโป๊ครอบครัวแล้วอยากลองทำโดยไม่คิด
  4. ใช้คำสั่งหยุดการกระทำที่ไม่สมควรและใช้ข้ออ้างที่ปฏิเสธได้ยาก เช่น “ถ้าเป็นของกันและกันตอนนี้ ถ้าพ่อแม่ฉันรู้เข้าท่านคงจะเสียใจนะ เป็นลูกสาวที่ไม่รู้จักกตัญญูกตเวทีทำให้พ่อแม่เสียใจ คงเป็นบาปติดตัวไปตลอดชีวิต” ฉะนั้น เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พร้อม จงจำไว้ว่าต้องปฏิเสธให้เป็น เพราะนั่นคือชีวิตและอนาคตของตน หรือถ้ามีอารมณ์จริงๆก็เปิดหนังโป๊ครอบครัวช่วยตัวเองดีกว่า

การที่จะสอนเทคนิคการปฏิเสธให้กับลูก พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องรับรู้ธรรมชาติของลูกวัยรุ่น เช่น ยอมรับว่าการมีแฟนหรือการคบเพื่อนต่างเพศนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน จึงไม่ควรแสดงปฏิกิริยาเชิงปฏิเสธว่าเป็นเรื่องต้องห้าม มิเช่นนั้นสิ่งที่ตามมาคือ การโกหก ปิดบัง บ่ายเบี่ยง หรือซ่อนเร้น ควรเปิดใจกว้างยอมรับจะทำให้ลูกกล้าเข้ามาพูดและเปิดเผยความจริงได้มากกว่า ซึ่งพ่อแม่ ผู้ปกครองจะสามารถสอดแทรกค่านิยมและประสบการณ์ต่าง ๆที่ลูกหลานควรรู้พร้อม ๆ ไปกับการหมั่นพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการคบเพื่อนต่างเพศของลูกหลานเสมอ ๆ หากทำได้เช่นนี้ ลูกจะรู้สึกว่าพ่อแม่ ผู้ปกครองพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาเขาได้ตลอดเวลา